การผสมผสานความสำเร็จของศาสตร์แห่งการบอกเวลาหลายประการเข้าด้วยกัน และคิดค้นโดยนักคิดผู้มองการณ์ไกลที่กำลังก่อร่างสร้างอนาคตของวงการนาฬิกา นาฬิกา Land-Dweller จึงเป็นนาฬิกาของผู้ที่ทุ่มเทปัจจุบันเพื่อออกแบบโลกแห่งอนาคต
นาฬิกาที่ดูปราดเปรียวเรือนนี้มาพร้อมกับกลไกการทำงานที่พร้อมปฏิวัติวงการ นั่นคือคาลิเบอร์ 7135 ซึ่งเป็นกลไกการทำงานที่บางกว่ากลไกในนาฬิการุ่นอื่นๆ ทั้งยังได้รับการออกแบบให้เคลื่อนไหวที่ความถี่สูง 5 เฮิรตซ์ และมีประสิทธิภาพที่เหนือชั้น
คาลิเบอร์ 7135 ได้รับการพัฒนาและผลิตเป็นการภายในทั้งหมด โดยสร้างการเหวี่ยงที่คงที่ในอัตรา 36,000 ครั้งต่อชั่วโมง และมีความถี่ที่ 5 เฮิรตซ์ นับว่าเป็นอัตราใหม่ที่เป็นประวัติการณ์ของ Rolex อัตราการทำงานสามารถบอกเวลาได้อย่างละเอียดถึงหนึ่งในสิบของวินาที อีกทั้งยังมอบการออกแบบที่สวยงามน่าดึงดูดอีกด้วย โดยผู้สวมใส่สามารถชื่นชมลูกเหวี่ยงแบบคัตเอาต์สีทองอันเปล่งประกายและการตกแต่งแบบ Rolex Côtes de Genève อันประณีตบนสะพานจักรได้ผ่านตัวเรือนด้านหลังแบบโปร่งใสของนาฬิกา
นวัตกรรมสำคัญที่สุดในคาลิเบอร์ 7135 คือกลไกปล่อยจักร Dynapulse ชิ้นส่วนใหม่ล่าสุดที่เข้ามาแทนที่ชุดกลไกปล่อยจักร Swiss Lever แบบดั้งเดิม กลไกปล่อยจักรที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องนี้มีนี้เป็นการประสานการออกแบบอย่างมีนวัตกรรมเข้ากับชิ้นส่วนที่ผลิตจากซิลิคอนเป็นหลัก ทำให้กลไกนี้มีจุดเด่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักที่เบาอย่างยิ่ง การต้านทานกับสนามแม่เหล็กได้เป็นอย่างดี ทั้งยังมอบคุณสมบัติการกักเก็บพลังงานที่เหนือกว่าชุดกลไกปล่อยจักรแบบดั้งเดิมอีกด้วย
ออสซิลเลเตอร์ของคาลิเบอร์ 7135 ติดตั้งมาพร้อมกับจักรกรอกทองเหลืองที่ได้รับการปรับเพิ่มความแข็งแรง แกนจักรกรอกที่ผลิตจากวัสดุที่ผลิตและพัฒนาได้ยากยิ่ง และแฮร์สปริง Syloxi ที่ทำจากซิลิคอน แกนจักรกรอกที่ได้รับการจดสิทธิบัตรนี้ผลิตด้วยเซรามิกจากเทคโนโลยีชั้นสูงเฉพาะทางของ Rolex เท่านั้น และผ่านการกลึงด้วยลำแสงเลเซอร์ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกของแบรนด์ ตัวดูดซับแรงกระแทก Paraflex ที่ได้รับการยกระดับประสิทธิภาพช่วยเพิ่มคุณสมบัติความต้านทานต่อแรงกระแทกให้กับกลไกการทำงาน ไม่ว่านาฬิกาจะอยู่ในตำแหน่งใด นอกจากนั้น วัสดุที่ใช้ผลิตส่วนประกอบของออสซิลเลเตอร์ยังมีความสามารถในการต้านทานสนามแม่เหล็กระดับสูงได้อีกด้วย
สายนาฬิกาแบบเชื่อมต่อกับตัวเรือนอย่างไร้ที่ติจนเป็นหนึ่งเดียวกันคือแนวคิดหลักของนาฬิกา Land-Dweller เรือนใหม่นี้ เอกลักษณ์ที่เห็นได้อย่างชัดเจนจากลายเส้นระหว่างตัวเรือนและสาย การออกแบบนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสายนาฬิกา Jubilee ที่มีการเปิดตัวครั้งแรกกับนาฬิกา Datejust ในปี 1945 ซึ่งสายนาฬิกา Flat Jubilee นี้ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับ Land-Dweller เท่านั้น ข้อสายนาฬิกาจะโดดเด่นด้วยพื้นผิวแบบเรียบ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนสายนาฬิกาโลหะรูปแบบอื่นๆ สายนาฬิกานี้ได้รับการตกแต่งที่ออกแบบใหม่ทั้งหมด โดยประกอบด้วยข้อสายนาฬิกากลางที่ผ่านการขัดเงา ข้อต่อสายนาฬิกาด้านนอกที่ได้รับการแต่งผิวลายซาตินด้านบน และขัดเงาด้านข้าง ในส่วนด้านข้างนั้นจะมีการขัดเงาให้กับขอบด้านบนของขอบตัวเรือนและข้อต่อสายนาฬิกาด้านนอก ทำให้เกิดแสงวงแหวนที่ขับเน้นให้เห็นถึงความกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวของการออกแบบเรือนเวลานี้
หน้าปัดแบบเอียงของนาฬิกาเรือนนี้ตกแต่งด้วยลวดลายเรขาคณิต ซึ่งเป็นลายรังผึ้งที่พัฒนาโดยกระบวนการเลเซอร์ด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง หน้าปัดสีขาวเข้มที่ผ่านการขัดเงาซาตินและหน้าปัดสีไอซ์บลูที่ผ่านงานตกแต่งซันเรย์ คือผลงานการออกแบบแห่งความเชี่ยวชาญในการผลิตนาฬิกาที่มีมาแต่ดั้งเดิม สำหรับนาฬิการุ่นที่มาพร้อมหน้าปัดโครมาไลท์จะมากับตัวเลขปลายเปิดและเครื่องหมายบอกชั่วโมงที่ผ่านการเคลือบสารเรืองแสงเต็มทั้งความยาวของชิ้นส่วน ซึ่งเป็นความพิเศษที่มีเฉพาะนาฬิการุ่นนี้เท่านั้น ส่วนประกอบต่างๆ บนหน้าปัดทำให้ Land-Dweller สะดวกต่อการอ่านเวลาในทุกสถานการณ์ เข็มนาฬิกาต่างก็ได้รับการเติมสารเรืองแสงที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับนาฬิการุ่นนี้เท่านั้นเช่นกัน ความพิเศษของเข็มวินาทีนั้นโดดเด่นด้วยการออกแบบตุ้มน้ำหนักที่ประยุกต์มาจากลายรังผื้งของหน้าปัด
ดังเช่นนาฬิกาของ Rolex ทุกเรือน Oyster Perpetual Land-Dweller 36 และ Oyster Perpetual Land-Dweller 40 ได้รับการรับรองสถานะ Superlative Chronometer ตามนิยามใหม่ที่ Rolex กำหนดขึ้นในปี 2015 สถานะดังกล่าวเป็นเครื่องยืนยันว่านาฬิกาทุกเรือนที่ออกจากโรงงานผลิตได้ผ่านการทดสอบภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวดของ Rolex ภายในห้องปฏิบัติการตามเกณฑ์ที่บริษัทกำหนดขึ้นโดยสมบูรณ์ ซึ่งเป็นไปตามกฎการรับรองกลไกการทำงานอย่างเป็นทางการโดย Swiss Official Chronometer Testing Institute (COSC) การทดสอบเพื่อการรับรองภายในองค์กรใช้กับนาฬิกาที่ประกอบอย่างสมบูรณ์หลังการติดตั้งกลไกการทำงานแล้ว เพื่อรับประกันสมรรถนะอันเหนือชั้นเมื่อสวมใส่บนข้อมือทั้งในด้านความเที่ยงตรง พลังงานสำรอง การกันน้ำ และระบบขึ้นลานอัตโนมัติ สำหรับการรับรองอย่างเป็นทางการของกลไกการทำงานนั้น ความเที่ยงตรงของ Rolex Superlative Chronometer อยู่ที่ −2/+2 วินาทีต่อวัน โดยอัตราคลาดเคลื่อนที่แบรนด์ยอมรับได้สำหรับนาฬิกาที่เสร็จสมบูรณ์แล้วมีระดับต่ำกว่าเกณฑ์ที่ COSC ยอมรับอย่างเห็นได้ชัด
ทั้งนี้ สถานะ Superlative Chronometer จะใช้ตราสัญลักษณ์กรีนซีลที่มาพร้อมนาฬิกา Rolex ทุกเรือน ควบคู่กับการรับประกันคุณภาพระดับสากลห้าปี